3. รับประทานไขมันบ้าง ซึ่งประเภทของไขมันที่รับประทานสำคัญพอ
ๆ กับปริมาณ หากบริโภคไขมันแปรรูป
(พบมากในมาร์การีนและสินค้าเบเกอร์ที่วางขายทั่วไป) จะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง
ระบบภูมิคุ้มกันของเราจึงง่วนอยู่กับการเสียหายของเซลล์และเนื้อเยื่อที่อักเสบในจุดนั้น
ๆ มากกว่าจะต่อสู้กับเชื้อโรค สิ่งที่ควรจะปฏิบัติก็คือการจำกัดปริมาณแคลอรีที่ได้รับจากไขมันให้อยู่แค่ร้อยละ
30 เท่านั้น เป็นไขมันอิ่มตัวร้อยละ 5-10 ส่วนร้อยละ 20-25 ที่เหลือเป็นไขมันไม่อิ่มตัวจากน้ำมันมะกอก
ถั่ว อะโวคาโด และเมล็ดพืชต่าง ๆ พร้อมกับกินกรดไขมันโอเมก้า -3 จากปลาไขมันสูงอย่างแซลมอน ปลาฮาลิบัต และปลาซาร์ดีน
จะช่วยลดอาการอักเสบค่ะ
4. การรับประทานอย่างพอดี คือ ปริมาณแคลอรีต้องไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไปเพราะมีหลักฐานชี้ให้เห็นว่าการอดอาหาร โรคอะนอเร็กเชีย หรือการขาดสารอาหารทำให้ระบบภูมิคุ้มกันเสื่อมลงและทำให้เราติดเชื้อต่าง ๆ ได้ง่าย แต่การได้รับแคลอรีมากไปจะส่งผลต่อการสร้างเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน นี่อาจเป็นเพราะว่าเมื่อเราได้รับแคลอรีมากเกินไปร่างกายจะผลิตสารชนิดหนึ่งชื่อว่า Prostaglandin ซึ่งกดกระบวนการผลิต T-Cell และเมื่อ T-Cell ลดน้อยลง ก็จะเพิ่มโอกาสให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามายืดครองได้ง่ายขึ้น
สิ่งที่ควรทราบคือ ปกติแล้วน้ำหนักตัว 1 กก. จะต้องการประมาณ 35 แคลอรี ถ้าคุณหนัก 60 กก. ก็หมายความว่าคุณควรจะได้รับแคลอรีวันละ 2,100 แคลอรี นั่นเองค่ะ
5. ควรออกกำลังกายด้วยนะค่ะ จำไว้ให้ขึ้นใจว่าระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานได้ไม่เต็มที่หากเราน้ำหนักเกินหรือมีระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์สูงเกินไป การออกกำลังกายนี่เองคือหัวใจสำคัญของการเอาน้ำหนักส่วนเกินออกไป นอกจากนี้การวิจัยจาก University of South Carolina ยังชี้ให้เห็นว่าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำมีโอกาสเป็นไข้หวัดน้อยกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย ถึงร้อยละ 25 ทั้ง ๆ ที่การออกกำลังกายเป็นแค่การเดินก้าวเร็ว ๆ เท่านั้น แต่การออกกำลังกายมากเกินไปจะทำให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลีนและคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันชั่วคราว
วิธีการทำอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรงแบบง่าย
ๆ ที่แนะนำให้นี้
ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงในชิวิตประจำวันของเราได้เลยนะค่ะ ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ถ้าทุกคนปฏิบัติตามได้รับรองเลยว่าสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์
ปราศจากโรคภัยไข้ก็อยู่ไม่ไกลแล้วค่ะ
ว่าแล้วมาลงมาปฏิบัติกันเลยค่ะ......