ทำอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรง...





1. การกิน
         หากกินผิดนอกจากจะแก่เร็วแล้ว ยังทำให้ป่วยด้วยอาหารที่ทำลายสุขภาพที่สุดคือ เนื้อ นม ไข่ ผมไปทำงานที่โรงพยาบาล (บางประกอก 1) สัปดาห์ละสองวัน พบว่าเด็กสมัยนี้ป่วยเป็นมะเร็งกันมาก บางคนเป็นตั้งแต่อายุยังน้อย มีกรณีหนึ่งอายุ 11 ขวบ ป่วยเป็นมะเร็งนม สอบถามผู้ปกครอง ปรากฏว่าเด็กคนนี้กินไก่พวกฟาสต์ฟู้ดส์วันละตัว ทำให้ตัวโตผิดปกติ เพราะรับฮอร์โมนจากไก่ที่ติดมาจากกระบวนการเลี้ยง เมื่อร่างกายรับสารเหล่านี้เข้าไปมากๆ จะทำให้เซลล์เติบโตผิดปกติ และกลายเป็นมะเร็งได้
     น้ำตาลซูโครสหรือน้ำตาลฟอกขาวก็เช่นกัน เป็นเหมือนยาพิษ เมื่อกินเข้าไปบ่อยๆ จะไปเคลือบต่อมย่อยอาหารในลำไส้ ทำให้เกิดพิษ (toxin) และทำให้ร่างกายป่วย เรื่องของอาหาร คุณกินผิดหรือไม่ ลองไปสำรวจตัวเองดู ตัวอย่างที่แสดงว่าคุณกินผิด อาการจะมีหลายอย่าง ตั้งแต่เจ็บป่วย เล็กๆ น้อยๆ จนกระทั่งไปถึงเรื่องมะเร็ง ล้วนเกี่ยวกับเรื่องของการกินทั้งสิ้นเปลี่ยนนิสัยการกินเป็นเรื่องยาก
     ตั้งแต่ผมทำการแพทย์ทางเลือก การแพทย์ผสมผสานมา สิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือการเปลี่ยนนิสัยการกิน เพราะสิ่้งที่คุณชอบมันไปติดอยู่ในสมองคุณ มันเป็นเจ้านายคุณ ไม่กินหวานไม่ได้
     เพื่อนผมอยู่เยอรมนี ภรรยาเป็นโรคเบาหวาน พอผมไป เขาดีอกดีใจ ขอให้ช่วยแนะนำหน่อย จะช่วยแก้เบาหวานได้ไหม ผมบอกว่าง่ายนิดเดียว ผมก็ทำสูตรอาหารให้ พอเห็นสูตรอาหารเขาถามว่าแป้งต้องเป็นแป้งไม่ขัดขาวแปลว่าอะไร ผมก็บอกว่าเป็นพวกข้าวแดง เขาถามอีกว่ากินก๋วยเตี๋ยวได้ไหม มะกะโรนีกินได้ไหม สปาเกตตีกินได้ไหม ผมบอกว่าทุกอย่างที่ทำมาจากแป้งขาวกินไม่ได้ เขาบอกว่าไม่รักษาแล้ว
     เพราะอะไรน่ะหรือ คนเป็นเบาหวานติดแป้งขาว หากไม่ได้กินจะกระวนกระวาย ติดรสหวาน หากไม่ได้กินจะหงุดหงิดมันเป็นความจำส่วนหนึ่งในสมอง ถ้าคุณแก้ตรงนี้ได้ คุณเป็นเจ้านายเลย
     มีคนแถวบ้านที่สนิทกันมากมาให้รักษามะเร็งปอด เป็นเถ้าแก่ใหญ่ อายุเจ็ดสิบกว่า ผมก็ทำสูตรอาหารชีวจิตให้กิน ให้ปฏิบัติ แล้วก็ให้ยาแบบชีวจิต อาการก็ดีขึ้นเป็นลำดับ เดินได้วิ่งได้ อยู่มาวันหนึ่งแกให้ลูกชายมาเรียกผมไปคุย ถามว่าจะให้กินแบบนี้ไปอีกนานเท่าไร ผมถาม ทำไมล่ะ กินมาแล้วแข็งแรงดี หายจากโรคภัยไข้เจ็บ มันดี เถ้าแก่ก็กินต่อไปสิ แกตอบว่า "ถ้าให้กูกินแบบนี้ ให้กูตายดีกว่า" แกพูดอย่างนี้จริงๆ
     การเปลี่ยนเรื่องนิสัยการกินยากที่สุดในโลก เพราะในสมองจะมีสารตัวหนึ่ง เราเรียกว่า "Brain Chemistry" ซึ่งจะมีผลต่อส่วนต่างๆ ของสมอง ซึ่งมาบังคับให้คุณทำอะไรตามอิทธิพลของสมอง ตรงส่วนที่ว่าเราชอบอย่างโน้นชอบอย่างนี้ และเกลียดตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ในส่วนกลางของสมอง เรียกว่า "Bid Brain"
     ตกลงคือว่าเราต้องหัดร่างกายให้ดี แล้วร่างกายดี มีสุข สนุกกับการทำงาน ร่างกายดีคือ สุขภาพต้องดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง จิตใจก็ดี เพราะจิตใจเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ เราต้องมีวิธีฝึกปฏิบัติหัดให้ร่างกายผ่อนคลาย (Relax) ฝึกสมาธิง่ายๆ เพื่อให้ใจสงบ
     ผมมีหลานอายุขวบกว่าก็กินชีวจิต พอโตหน่อยไม่ได้กินนมแม่แล้ว ก็ให้กินนมถั่วเหลืองและกินข้าวซ้อมมือ แล้วทำน้ำอาร์.ซี.ให้กิน  แกก็แข็งแรงและท่าทางจะฉลาดกว่าปู่เสียอีก
     ผมชอบสูตรของพระนะ ถ้าพระวัดป่ากินอาหารมื้อเดียวดูน้อยเกินไป ส่วนพระธรรมดากินอาหาร 2 มื้อ งดอาหารเย็นอันนี้ถูกต้อง ตามหลักของสรีรวิทยาบอกว่า เมื่ออายุ 30 ขึ้นไป ทุกๆ สิบปีควรจะลดแคลอรีของอาหาร 8 เปอร์เซ็นต์ อายุ 50 ปี ลดไป 16 เปอร์เซ็นต์ ลดพลังงานจากอาหารให้น้อยลง แต่ไม่ได้ลดปริมาณอาหาร มื้อเย็นไม่จำเป็นต้องกิน แต่เราไม่ได้เป็นพระ มื้อเย็นก็กินพวกผลไม้ น้ำผลไม้ อะไรนิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้มีอะไรรองท้อง ทำให้เราสดชื่น มีชีวิตชีวา เพราะฮอร์โมนส่วนมากมาจากอาหาร


2. การนอน
     พื้นฐานอีกอันหนึ่งนอกจากการกินแล้วคือ เรื่องนอนเรานอนผิดเพราะอะไร เพราะชีวิตประจำวันของคนสมัยใหม่อาจจะต้องนอนดึก ดูทีวี ติดละครเรื่องนั้นเรื่องนี้ กว่าจะนอนบางทีสองยาม ตีหนึ่ง เป็นต้น
     หลายท่านคงจะจำได้ตั้งแต่ชั้นประถมว่าน้องนอนวันละ 8 ชั่วโมง แต่ไม่เคยสอนว่าคุณต้องนอนให้หลับสนิท แล้วก็หลับลึก เรื่องเวลา 8 ชั่วโมง หรือ 9 ชั่วโมงไม่เกี่ยว
     นอนกินบ้านกินเมืองนอนอย่างไร ไปเที่ยวคืนวันศุกร์ กลับดึก นอนตั้งแต่คืนวันศุกร์มาถึงเช้า ไม่ลุกกินข้าว นอนต่อเช้าวันเสาร์ไปถึงคืนวันเสาร์ ถึงเช้าวันอาทิตย์ยังไม่ตื่น นอนต่อไปอีกคืนวันอาทิตย์ แล้วพอถึงวันจันทร์ต้องตื่นไปทำงาน คลานออกมาในลักษณะที่ไม่เป็นผู้เป็นคน ทั้งๆ ที่คุณนอนมาศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แต่ไม่มีแรง เพราะอะไร มันนอนผิด
     ถ้าคุณเป็นนักเศรษฐศาสตร์หรือนักคำนวณ ชีวิตของคุณขาดทุนอย่างร้ายแรง ลองคิดดู นอน 8 ชั่วโมง แปลว่าต้องนอนถึง 1 ใน 3 ของชีวิต วันหนึ่งมี 24 ชั่วโมง คุณนอน 8 ชั่วโมง เท่ากับ 1 ใน 3 คุณหมดไปกับการนอน ถ้าเกษียณอายุ 60 ปี แปลว่าคุณนอนมา 20 ปี ตกลงคุณนอนผิดทั้งในด้านเศรษฐศาสตร์และด้านสุขภาพ

3. การทำงาน
     ผมไปจัดคอร์สสุขภาพที่สวนสามพราน คอร์สหนึ่งประมาณ 3-4 วัน ไปชอบใจคนทำงานอยู่คนหนึ่งชื่อ่คุณสนิท ตำแหน่งรองผู้จัดการฝ่ายสถานที่ ดูแลเกี่ยวกับเรื่องของอาหารและความสะดวกในการประชุม
     ผมว่าเขาเป็นคนมีความสุขมาก เพราะเป็นคนรักงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานด้านบริการ เวลาที่มีงานเลี้ยง คุณสนิทจะไปเช่าเต็นท์มา บอกว่าฝนตกงานพังแน่ ผมชอบใจวิธีแก้ของเขา และเขาใช้หมด ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์ ไปขอธงของหลวงพ่อมา เพราะเชื่อว่าปักแล้วฝนไม่ตก เสร็จแล้วฝนก็ตก และอาจเป็นเรื่องเล่นๆ อะไรไม่ทราบ เขาเชื่อว่าผมช่วยห้ามฝนได้ เพราะผมเคยเป็นคนไปบนให้เขาแล้วฝนไม่ตก พอตอนเช้ามีคนประมาณ 120 คนต้องรำกระบองกันต้งแต่ตีสี่ครึ่ง เขาก็กลัวอีกว่าฝนจะตก ผมบอก ไม่ต้องกลัว ทำใจดีๆ ไว้ ฝนไม่ตกหรอก แล้วฝนก็ไม่ตกจริงๆ
     ที่ผมรู้สึกสนุกไปด้วยเพราะว่าเขาชอบบริการ คนยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดีใจ ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีสี่มาดูว่าตรงไหนไม่เรียบร้อยก็วิ่งไปทำเอง ไปขนของเอง แม้กระทั่งไปทำกับข้าวเองก็ยังไปทำ ผมเพิ่งเห็นคนอายุ 55 ปีแบบนี้ แต่มีความสุขกับการทำงาน รักที่จะบริการคน
     เขามีความทุกข์สมัยที่ร่างกายเคยอ้วน มีโรคความดันโลหิตสูง ทำอะไรนิดหน่อยก็หายใจหอบ เหนื่อยง่าย เราก็แนะนำเรื่องอาหารชีวจิต เรื่องการออกกำลังกาย เรื่องนอนและเรื่องอื่นๆ และเขาก็ทำได้ เดี๋ยวนี้รูปร่างดี มารำกระบองกับเรา พวกหนุ่มๆ สู้ไม่ได้ เพราะรำกระบองแบบชีวจิตเหนื่อยมาก
     ตัวอย่างนี้แสดงว่าความสุขในการทำงานถึงแม้จะมีใจรัก มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อยากจะบริการคน แต่ถ้าร่างกายไม่ให้ สุขภาพไม่ให้ มันก็อาจกลายเป็นความทุกข์

4. การพักผ่อน
     ตอนนี้จะแนะนำให้รู้ก่อนว่า กิน นอน ทำงานผิด สุขภาพจะไม่ดี อายุสั้น มีความทุกข์มาก ส่วนเรื่องการพักผ่อนต้องลางาน 2 อาทิตย์ แล้วลาไปเที่ยวเมืองนอกเป็นแฟชั่นนิยมอีกเหมือนกัน เพราะผลปรากฏว่ากลับมามีอาการหน้าซีดหน้าเซียวเพราะเป็นหนี้ อย่าเช่นไปสวิตเซอร์แลนด์ใช้เงินอย่างต่ำๆ ก็สามแสนกว่า อยากโก้ก็เลยกู้เงินไป แล้วไปช่วงคนเที่ยวกันเยอะๆ ที่พักก็เต็ม ตระเวนเสียแทบแย่ หาที่พักได้ก็ต้องไปจ่ายสามสี่เท่าของราคาจริง กลับมาเหนื่อยด้วย เป็นหนี้ด้วย ไม่มีความสุข เกิดการพักผ่อนผิด เพราะเข้าใจคอนเซ็ปต์ของการพักผ่อนผิด
     ถ้าพักผ่อนแบบของชีวจิตไม่ต้องไปสวิส อยู่ที่นี่ก็ได้ นั่งที่นี่ก็ได้ ฝึกวิธีหายใจให้ถูก ตกลงคนพักผ่อนได้ทุกขณะไม่ต้องเสียเงิน โดยอย่าไปยึดว่าพักผ่อนต้องลางาน ต้องขึ้นเครื่องบิน ต้องไปเที่ยว ไม่เอาแบบนั้น
5. การออกกำลังกาย
     กิน นอน ทำงาน พักผ่อน ออกกำลังกาย ผมให้ความสำคัญเท่ากับเรื่องของการกิน เหมือนกับรถยนต์ ถึงแม้คุณอาจจะใช้น้ำมัน 95 ก็ตามที แต่คุณถนอมเครื่องไม่เอารถไปวิ่ง ความจริงรถอยู่เฉยๆ พังนะครับ เปรียบกับคุณกินของดีๆ ไปเยอะๆ แต่ไม่ออกกำลังกาย คุณพังนะครับ
     เราก็เลยมีหลักการออกกำลังกายของเรา ต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันได้ยิ่งดี ให้สม่ำเสมอ คุณจะเล่นอะไรก็ได้ แต่ต้องให้ได้เหงื่อออกโซมเลย หัวใจเต้นแรงแปลได้ว่าหัวใจทำงานเต็มที่ ควรจับชีพจรดูให้ได้ 120 ขึ้นไป คุณจะได้ยาวิเศษประจำตัวของคุณออกมาจากตัวคุณเอง คือ โกร๊ธฮอร์โมน (growth hormone) ซึ่งมีมาตั้งแต่เกิด แต่พออายุประมาณ 20 ปี โกร๊ธฮอร์โมนจะหลั่งน้อยลง อายุจวนๆ 30 ปีไม่หลั่งเลย
     เพราะฉะนั้น ถ้าออกกกำลังกายถูกต้อง กิน นอน ทำงาน พักผ่อน ออกกำลังกาย ซึ่งในชีวิตประจำวันมีอยู่เท่านี้
     ตามหลักชีวจิตเอาเรื่องสุขภาพกับเรื่องของการแพทย์เข้ามาเกี่ยวกัน กินต้องกินให้ถูก นอนต้องนอนให้ถูก ทำงานต้องทำงานให้ถูก พักผ่อนให้ถูก ออกกำลังกายให้ถูก เริ่มต้นจากชีวิตประจำวันก่อน กิน นอน และทำงานให้ถูกต้อง เพื่อให้อินมูนซินเต็ม (Immune System) ดีขึ้น เพราะว่าถ้าคุณทำงานถูกแล้วคุณไม่เครียด ความเครียดเป็นตัวทำลายอินมูนซิสเต็ม ซึ่งเป็นพลังวิเศษของคุณ
     ระบบหายใจประกอบไปด้วยหลอดลม ปอด หัวใจ กะบังลม ซึ่งเป็นพื้นฐานของสุขภาพ และต้องอาศัยการกิน นอน ทำงาน พักผ่อน ออกกำลังกายให้ถูกต้อง คุณจะสร้างตึกแข็งแรง สวยเหลือเกิน ต้องดูที่ฐานราก ต้องดูตั้งแต่ตอกเสาเข็ม ลงคอนกรีต คุณรู้ไหม ตึกจะสูงกี่ร้อยชั้น จะอยู่ได้ทนถาวรแค่ไหนอยู่ที่ฐานราก

     ฐานรากของคนเราก็คือ การกิน การนอน การทำงาน การพักผ่อน และการออกกำลังกาย


ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสารชีวจิต ฉบับที่ 146