อาหารเพื่อสุขภาพกับ 10 เมนูสำหรับผู้สูงอายุ

              อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุจะสนุกกับการกินอาหารไม่ได้ ลองนึกดูสิคะว่าถ้าการเลือกเมนูอาหารเป็นการเลือกเมนูเพื่อป้องกันโรคมันจะดีแค่ไหน เมนูอาหารสำหรับผู้สูงอายุทั่วไปมาให้กับคุณผู้อ่านได้ลองนึกภาพและปฎิบัติตามกันไปดู มันเป็นเมนูอาหารที่สามารถป้องกันโรคได้แถมยังมีความอร่อยแบบไม่เป็นรองใครอีกด้วย บางเมนูอาจจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วลองดูคะ



1.
ส้มตำไก่ย่าง ที่สุดของอาหารต้านชรา เพราะในส้มตำมีสุดยอดวิตามินอย่าง มะเขือเทศที่ช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและเต้านม ส่วนมะละกอนั้นช่วย ล้างพิษให้กับลำไส้ทั้งน้อยและใหญ่ ในมะละกอยังมีน้ำย่อย ปาเปนช่วยทำความสะอาดลำไส้ให้ปลอดคราบโปรตีนเกาะ ส่วนการรับประทานคู่กับไก่ย่างนั้น มีข้อดีคือ ทำให้ไม่ขาดโปรตีน และที่สำคัญคืออ้วนน้อยกว่าการกินกับข้าวเหนียว หรือกินแบบหนักแป้งด้วย



2.
แกงเขียวหวานไก่ น้ำแกงเข้มข้นหอมมันคือ ซุปวิตามินที่มีทั้งวิตามินเอ, ดี, อี และเค ที่ละลายอยู่ในกะทิ ส่วนในเนื้อไก่ก็มีวิตามินบีที่ช่วยบำรุงสมอง อีกทั้งในพริกที่ใส่เป็นเครื่องแกงก็มี กรดแคปไซซินกับ เบต้าแคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตาด้วย



3.
เมี่ยงปลาทู หยิบกินง่ายๆ ได้ทั้ง ซัลโฟราเฟนเป็นกลุ่มสารต้านมะเร็งจากใบคะน้าห่อเมี่ยง ถ้าให้ดีต้องหยิบ มะเขือเทศราชินีหั่นเสี้ยวใส่เข้าไปด้วยจะช่วยให้ผิวพรรณสวย ส่วนในเนื้อปลาทูมีทั้งกรดไขมันดีและ แอสตาแซนทินที่กินเข้ากัน เพราะวิตามินที่ว่านี้โดยมากละลายในไขมัน ถ้าท่านใส่ปลาทูทอดเข้าไปจะช่วยให้จับกันได้ดีขึ้น

อาหารเพื่อสุขภาำพสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน...ยำสลัดกุ้ง...


                   อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ป่วยเบาหวานจะแตกต่างจากผู้ป่วยโรคอื่น เพราะยังคงสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีศักยภาพสมบูรณ์ได้ ตราบใดก็ตามที่คุณยังเข้มงวดกับตนเอง การมีความสุขกับการได้รับประทานอาหารที่หน้าตาน่ารับประทาน มีรสชาติอร่อย ทุกคนก็ปรารถนา หากเรายอมรับว่ากายและใจนั้นสัมพันธ์กัน อาหารที่อร่อย ได้คุณค่า เพื่อสุขภาพดี ย่อมจะทำให้ผู้ป่วยมีกำลังใจในการดำเนินชีวิตมากกว่าการต้องติดอยู่กับภาพของอาหารผู้ป่วยแบบเดิมๆ ที่แสนจะน่าเบื่อ และชวนให้ป่วยมากขึ้นไปกว่าเดิม

                แต่การที่จะปรุงอาหารให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานนั้น จะต้องมีความเข้าใจในหลักการและศาสตร์ของโภชนาการเป็นอย่างดี ซึ่งวันนี้เรามีเมนู ยำสลัดกุ้งมาฝาก เพราะประกอบไปด้วยโปรตีนที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วย คือมีไขมันน้อย และยังมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่ไม่ทำให้อ้วน รวมทั้งผักสดที่ช่วยเพิ่มไฟเบอร์ให้กับร่างกาย สำหรับวัตถุดิบและวิธีการปรุง มีดังนี้

ส่วนผสม....
* กุ้งกุลาดำลวก 100 กรัม
* ผักกาดแก้วหัวเล็ก 1 หัว
* หอมหัวใหญ่ 1 หัว
* มะเขือเทศ 1 ลูกใหญ่
* ผักกาดม่วงหั่นฝอย ½ ถ้วยตวง
* แครอทขูดเป็นเส้น ½ ถ้วยตวง
* พริกหวาน 1 ลูก
* มายองเนส (แบบไขมันต่ำ) 2 ถ้วยตวง
* พริกขี้หนูสวนบุบ 5 เม็ด
* กระเทียมกลีบใหญ่แกะเปลือกซอย 4 กลีบ
* น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 1 ชอ้นโต๊ะ

วิธีการปรุง
1. ล้างผักทุกอย่างให้สะอาด นำแช่น้ำเกลือประมาณ 15 นาที หากไม่ต้องการความยุ่งยาก สามารถซื้อเป็นสลัดผักรวมที่แพ็คขายเป็นถุงๆ ได้ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อตามสลัดบาร์ เพราะผักจะไม่มีความสดใหม่ ส่วนชนิดของผักสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความชอบ
2. นำผักขึ้นจากน้ำ รอให้สะเด็ดน้ำ จัดใส่จานแล้วใส่ตู้เย็นช่องธรรมดา
3. ปรุงน้ำสลัดด้วยการเอามายองเนสใส่ชามแกง หรือชามใบใหญ่ ใส่น้ำปลา น้ำมะนาว พริกขี้หนู กระเทียม ใช้ที่ตีไข่ค่อยๆ คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน
4. เวลารับประทานให้จัดผักใส่จานในปริมาณที่เพียงพอสำหรับรับประทานในหนึ่งมื้อ จัดวางกุ้งลงไป แล้วราดน้ำสลัดมากน้อยตามชอบ


                เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยให้คนที่คุณรักอยู่กับคุณอย่างมีความสุขทั้งกายและใจ ร่วมกันต่อสู้โรคเบาหวานต่อไป ด้วยกำลังใจจากกันและกันแล้วล่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก:
เอื้อมพร สกุลแก้ว. เมนูอาหารเบาหวาน. กรุงเทพฯ: ใกล้หมอ, 2550. 

ทำอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรงกับน้ำสมุนไพรที่ควรดื่มขณะตั้งครรภ์...



น้ำขิง.....
                การดื่มน้ำขิงร้อนๆ จะช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน รวมถึง แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลม นอกจากนี้น้ำขิงยังมีสารอาหารประเภทแคลเซียมที่ช่วยสร้างกระดูกและฟันให้แก่เด็ก ป้องกันโรคกระดูกพรุนในแม่ท้อง และยังมีสารเบต้าแคโรทีนซึ่งช่วยต้านโรคมะเร็งอีกด้วย
หากคุณแม่ไม่ชอบดื่มน้ำขิงเปล่าๆ อาจเลือกทานเต้าฮวยน้ำขิง หรือบัวลอยน้ำขิงก็จะได้ประโยชน์จากเต้าหู้หรืองาดําเพิ่มขึ้น


น้ำลูกเดือย....
                 น้ำลูกเดือยต้มจะช่วยแก้อาการร้อนใน รักษาอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ช่วยบํารุงเลือดลม ทั้งยังช่วยลดอาการปวดตามข้อในแม่ท้อง นอกจากนี้ น้ำลูกเดือยยังให้แร่ธาตุฟอสฟอรัสที่ช่วยบํารุงกระดูก และมีวิตามินเอช่วยบํารุงสายตาด้วย



น้ำมะเขือเทศ....
                  น้ำมะเขือเทศคั้นสดอุดมด้วยวิตามินซีที่ช่วยสร้างกระดูกและฟันให้ลูกน้อย ทั้งยังช่วยในการเผาผลาญอาหาร ลดอาการเส้นเลือดขอด ลดไข้ และลดอาการข้อบวมในแม่ท้อง นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็งและทําให้ผิวพรรณดี

                    หรือคุณแม่ทั้งหลายจะลองดื่มน้ำมะเขือเทศคั้นผสมกับแครอทก็ได้รสชาติดี และในแครอทยังมีวิตามินเอที่จําเป็นต่อสายตาและป้องกันการติดเชื้อ เรียกได้ว่าดื่มแก้วเดียว แต่ได้ประโยชน์ยกกําลังสองเลยครับ

แต่ที่สำคัญ  อย่าลืมดื่มน้ำสะอาดวันละ 8-10 แก้ว และดื่มนมสดทุกวันด้วยนะ


รู้เท่าทันสุขภาพกับประโยชน์ของ....“ขิง”... ผู้ช่วยที่ดีสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมลูก

                  รู้เท่าทันสุขภาพกับคุณค่าทางอาหารที่ได้จากขิงนั้นมากไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียมที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงกระดูกและฟัน และยังมีสารเบต้า-แคโรทีน ซึ่งช่วยต้านอนุมูลอิสระ ขิงมีสรรพคุณทางยาช่วยในเรื่องการแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และขับเสมหะ ลดอาการไอ และระคายคอ แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน เมารถเมาเรือ ช่วยให้เจริญอาหาร ซึ่งในเหง้าขิงแก่มีน้ำมันหอมระเหย ซึ่งประกอบด้วย GINGEROL และ SHOGAOL ช่วยย่อยอาหารช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม แก้อาการเมารถ เมาเรือ แก้บิด บำรุงธาตุ ช่วยให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตดี

           ถ้าลองให้คุณแม่ตั้งครรภ์นึกกันเล่นๆ ว่า "ขิง" ที่ใครหลายคนอาจไม่ค่อยชอบทานกันนั้น สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารอะไรได้บ้าง ไม่รู้ว่าจะนึกกันออกหรือเปล่าเอ่ยถ้าอย่างนั้นเราลองมาไล่เรียงกันดูค่ะ แล้วเดี๋ยวจะมาเฉลยว่าขิงนั้นมีดีกับสุขภาพของทุกคนอย่างไร โดยเฉพาะในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ เมนูสุดสร้างสรรค์ที่ได้จาก "ขิง" ก็เช่น น้ำขิง,ไก่ผัดขิง, โจ๊ก (หมู ไก่ กุ้ง ปลา)ใส่ขิง, ปลานึ่งขิง, ยำขิงอ่อน,ยำปลาทูใส่ขิงอ่อน, ปลากะพงผัดขิง, ขิงอบแห้ง, ขิงแช่อิ่ม บัวลอยน้ำขิง ฯลฯ นอกจากนี้ทุกส่วนของขิงยังนำมาใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด ซึ่งแต่ละส่วนจะมีประโยชน์อย่างไรนั้น ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

                เหง้า: มีรสหวานเผ็ดร้อน ขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียดแน่นเฟ้อ คลื่นไส้ อาเจียน แก้ไอ ขับเสมหะ แก้บิด สารสำคัญในน้ำมันหอมระเหยจะออกฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ใช้เหง้าขิงแก่ทุบหรือบดเป็นผงชงน้ำดื่ม แก้อาการคลื่นไส้อาเจียน แก้จุกเสียด แน่นเฟ้อ เหง้าสดตำคั้นเอาน้ำผสมกับน้ำมะนาว เติมเกลือเล็กน้อยจิบแก้ไอ ขับเสมหะ

ทำอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรงกับสารอาหารบำรุงเลือดคุณแม่....



1.เหล็ก ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางที่มักจะพบบ่อยใน ช่วงตั้งครรภ์แม่ท้องต้องการธาตุเหล็ก วันละ 45 มิลลิกรัมแหล่งอาหารอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก นอกจากตับซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กแล้ว เรายังสามารถพบธาตุเหล็กในจมูก ข้าวสาลี ตับ งา อินทผลัม ลูกพรุน เนื้อแดง ผักโขม ไข่แดง เม็ดถั่วลันเตา ตำลึง ถั่วแดง สาหร่ายทะเล พริกหวาน หอยแครง เลือดหมู ผักหวาน และผลไม้แห้ง

2.โฟเลต ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง แม่ท้องต้องการโฟเลตวันละ 500 ไมโครกรัม แหล่งอาหารอุดมไปด้วยโฟเลต ได้แก่ แคนตาลูป บร็อกโคลี น้ำส้มสด ตับ เนื้อแดง ผักโขม ผักกาดหอม และหน่อไม้ฝรั่ง

3 .วิตามินบีหก ช่วยในการสังเคราะห์สารตั้งต้นในการสร้างฮีม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบินนั่นเอง แม่ท้องต้องการวิตามินบีหกวันละ วันละ 2.6 มิลลิกรัม แหล่งอาหารอุดมไปด้วยวิตามินบีหก ได้แก่ ข้าวโอ๊ต กล้วยหอม ข้าวกล้อง และมันฝรั่ง

4.วิตามินซี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แม่ท้องต้องการวิตามินซีวันละ 80 มิลลิกรัม แหล่งอาหารอุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ ฝรั่ง น้ำส้มคั้น พริกไทยสด มะละกอ ส้ม มะเขือเทศ พริกหวาน และมะนาว
5.ทองแดง ช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แม่ท้องต้องการทองแดงวันละ 3 มิลลิกรัม แหล่งอาหารอุดมไปด้วยทองแดง ได้แก่ ลูกพรุนแห้ง เมล็ดดอกทานตะวัน เต้าหู้แข็ง ตับ และช็อกโกแลต

6.โปรตีน ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กที่มีในเนื้อสัตว์ได้มากขึ้น พร้อมทั้งสร้างโปรตีนของเม็ดเลือดแดง แม่ท้องต้องการโปรตีน วันละ 60 กรัม แหล่งอาหารอุดมไปด้วยโปรตีน ได้แก่ เนื้อสัตว์ต่างๆเช่น หมู ไก่ กุ้ง และปลา

แหล่งสารอาหารสำคัญของแม่ท้องเหล่านี้ หยิบจับไปทำเมนูอร่อยๆ ได้เพียบเลยล่ะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  หนังสือแม่และเด็ก กุมภาพันธ์ 2552

รู้เท่าทันสุขภาพกับกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ...


อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับบำรุงครรภ์คุณแม่..สลัดไก่มะนาว...



                 อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับคุณแม่...สลัดไก่มะนาว...ความเด่นของมะนาว นอกจากมีวิตามินซีสูงแล้ว หากนำมาผสมกับน้ำอุ่นหลังตื่นนอนตอนเช้า จะช่วยแก้อาการคลื่นไส้จากการตั้งครรภ์ได้ดี ดังนั้นเมนูวันนี้ พี่วิไลลักษณ์แนะนำเมนู 'สลัดไก่มะนาวโดยมีส่วนผสมที่หาซื้อได้ง่าย ดังนี้ ขนมปัง 2 แผ่น อกไก่ 500 กรัม ไข่ไก่ 2 ฟอง แป้งเกล็ดขนมปัง 1 ถ้วย ใบคะน้าซอย 3 ใบ มะนาว 2 ผล น้ำสลัด 1 ถ้วย และน้ำมันพืช ½ ถ้วย
  

       วิธีทำ   ให้นำอกไก่ ไปชุบไข่ และเกร็ดขนมปัง ทอดด้วยไฟปานกลางจนเหลืองกรอบ พักให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นทอดใบคะน้าซอยจนกรอบ ตักขึ้นใส่จาน ขั้นต่อมา คือ หั่นไก่เป็นชิ้น วางบนใบคะน้า ราดน้ำสลัด ตกแต่งด้วยมะนาวฝาน พร้อมรับประทานกับขนมปังได้เลย

อาหารเืพื่อสุขภาพสำหรับบำรุงครรภ์คุณแม่..กุ้งตะไคร้หอม...



                       อาหารเพื่อสุขภาพกับเมนูบำรุงครรภ์คุณแม่...เชื่อว่า คุณแม่ตั้งครรภ์หลายคง คงชอบทานอาหารประเภทยำกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากจะมีรสชาติเปรี้ยว เค็ม ยั่วน้ำลายได้ไม่น้อย เมนูวันนี้ จึงเป็น กุ้งนางตะไคร้หอม แค่ชื่อก็น่าทานแล้วนะครับ
       
       สำหรับส่วนผสมหลัก ไม่ยุ่งยากเลยครับ ประกอบด้วย กุ้งสด 7-8 ตัว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ½ ถ้วย ตะไคร้อ่อนซอย 2-3 ต้น หอมแดงซอย 3-4 หัว ผักชี 2 ต้น
      
       ส่วนผสมของน้ำยำ ก็จะมี กระเทียม 4-5 กลีบ พริกขี้หนู 5-6 เม็ด รากผักชี 1 ราก มะนาว น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
      
       วิธีทำ ให้แกะกุ้งก่อน แล้วนำมาทอดพอสุก จัดใส่จาน แล้วโรยหน้าด้วยตะไคร้ซอย หอมแดงซอย ผักชี และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ในส่วนของน้ำยำ นำมาปั่นส่วนผสมให้เข้ากัน นำไปราดบนกุ้งที่เตรียมไว้ เป็นอันเสร็จสิ้น พร้อมเสิร์ฟรับประทานกับข้าวสวย
      

       *** ตะไคร้ ถือเป็นสมุนไพรคู่ครัวไทยมานาน เพราะช่วยเพิ่มรสชาติ และความหอมให้กับต้มยำ และพล่า ช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์เจริญอาหารได้ดี หากนำไปต้มกับน้ำ ก็จะช่วยแก้อาการอาเจียน ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดีอีกด้วย

อาหารเืพื่อสุขภาพสำหรับบำรุงครรภ์คุณแม่..แกงจืดลูกรอก...


       อาหารเพื่อสุขภาพเริ่มจากเมนูแรก  แนะนำเมนู 'แกงจืดลูกรอกเป็นเมนูง่ายๆ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง จากผักชนิดต่างๆ โดยเฉพาะฟักทอง เพราะเป็นตัวให้สารเบต้าแคโรทีนที่สูง ช่วยบำรุงสายตา และลดโอกาสในการเกิดมะเร็งได้เป็นอย่างดี
   
            ส่วนผสมที่ต้องใช้ทำ ประกอบด้วย อกไก่ 50 กรัม กุ้งสด 15 กรัม ลูกรอก 200 กรัม ฟักทองหั่นลูกเต๋า10 กรัม โดยผลฟักทองที่มีคุณภาพดี ต้องเป็นผลขนาดเล็ก เนื้อแน่น ส่วนผสมต่อมา คือแครอต หอมใหญ่หั่นลูกเต๋าเช่นกัน จำนวน 10 กรัม ตำลึง 10 กรัม ขึ้นฉ่ายหั่น 10 กรัม ต้นหอมหั่นท่อนสั้นๆ 10 กรัม
      
       วิธีทำ ง่ายมากครับ เพียงนำน้ำซุปตั้งไฟให้เดือด ใส่อกไก่ กุ้งสด แครอต ฟักทอง หอมใหญ่ ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว เกลือป่น พริกไทยป่น จากนั้นให้ใส่ลูกรอกลงไป ทิ้งไว้ให้เดือด แล้วก็ใส่ขึ้นฉ่าย ต้นหอม และตำลึง พร้อมเสิร์ฟรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ อย่างเอร็ดอร่อย

ทำอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรงกับอาหารบำรุงสำหรับคนท้อง 1-3 เดือน...


1. รับประทานอาหารให้พอเหมาะที่ปริมาณและคุณภาพเพื่อให้ได้พลังงานเพียงพอ
น้ำหนักในช่วงนี้ควรเพิ่ม 1 - 2 กิโลกรัม


2.
รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารทะเล ให้หลากหลาย รวมทั้งไข่ นม
เพื่อให้ได้สารอาหารโปรตีนซึ่งจำเป็นต่อการสร้างเนื่อเยื่อต่างๆ รวมทั้งการเจริญเติบโตของเซลล์สมอง

3.
รับประทานอาหารประเภทต้ม เครื่องในสัตว์ ไข่แดง ถั่วเมล็ดแห้ง ผักสีเขียวเข้ม
เพื่อให้ได้ธาตุเหล็กเพียงพอสำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดง และควรรับประทานอาหารประเภท
ส้ม ฝรั่ง ซึ่งให้วิตามินซี ร่วมด้วยจะช่วยให้การดูดซึมเหล็กเป็นไปด้วยดี

4.
รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมมาก เช่น นมและผลิตภัณฑ์ปลาไส้ตัน ปลากระป๋อง กุ้งแห้ง
รวมทั้งผักสีเขียวเข้ม เพื่อให้ได้แคลเซียมเพียงพอสำหรับการสร้างกระดูกของทารก

5.
รับประทานผักผลไม้เป็นประจำและให้มีความหลากหลาย นอกจากจะได้วิตามินและเกลือแร่
และยังให้กากใย ป้องกันท้องผูกในหญิงตั้งครรภ์

6.
รับประทานข้าวหรือธัญญาพืชที่ผ่านการขัดสีน้อย

7.
ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 6 - 8 แก้ว เพื่อป้องกันอาการท้องผูก

8.
งดรับประทานอาอาหรที่มีรสจัด อาหารหมักดอง อาหารที่ใส่ผงชูรสและอาหารที่ไม่สะอาด

รู้เท่าทันสุขภาพกับการกิยยังไงไม่ให้อ้วน..


รู้เท่าทันสุขภาพกับภัยเงียบจากกล่องโฟม...


ทำอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรงกัยการออกกำลังกาย


รู้เท่าทันสุขภาพกับ 6 โรคที่มากับหน้าฝน...


รู้เท่าทันสุขภาพกับ 10 วิธีแก้อาการนอนหลับยาก...


รู้เท่าทันสุขภาพกับอาหารช่วยคลายเครียด..